วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แชร์ประสบการณ์ลดพุง เอวS ได้ง่ายๆ ด้วยเฟี้ยวอาหารเสริมลดน้ำหนัก


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เจอกันอีกแล้วกับกระทู้นี้
วันนี้อ้อมมีไอเท็มใหม่มารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกัน
เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก ตราเฟี้ยว (FEAW Brand)

ขอบอกก่อนว่าอ้อมเป็นคนตัวเล็ก น้ำหนัก 52 สูง 160 ใครๆอาจบอกหุ่นกำลังพอดี 
แต่อยากให้โฟกัสที่พุงค่ะ (ไม่อ้วนนะ แต่มีพุง) คือเป็นคนตัวเล็กแต่มีพุง 
สาเหตุในการลดพุงก็เพราะเวลาใส่ชุดไหนก็ไม่สวย พุงนำนมตลอด จึงพยายามหาวิธีลดหน้าท้องแบบจริงจัง 
พยายามสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ต้องบอกก่อนว่า อ้อมทำงานช่วงดึก นอนเช้า 
เลยมีกิจวัตรประจำวันไม่เหมือนคนปกติ นอนน้อย กินเยอะ จะเน้นกินบุฟเฟ่ต์ช่วงดึกตลอด
จนมาเจอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก ตราเฟี้ยว (อยากหุ่นเฟี้ยวสมชื่อ)
มั่นใจมากเพราะไม่มีสารสกัดที่เป็นอันตราย ปลอดภัย มีอย.รับรองและมีสารสกัดจากธรรมชาติ100% 
ที่เลือกทานเฟี้ยว เพราะอ้อมอยากลดเฉพาะสัดส่วน แค่ช่วงหน้าท้อง

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก ตราเฟี้ยว (FEAW Brand) มีสารสกัดจากธรรมชาติ100% หลายชนิด 
ส่วนประกอบหลักๆ ที่สำคัญ อย่างเช่น สารสกัดจากพริก ผลส้มแขก เลซิตินจากถั่วเหลือง 
สารสกัดคลอโรฟิลจากใบหม่อน เป็นสารสกัดสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขจัดสารพิษในร่างกาย




1 กล่องมี 10แคปซูล (แคปซูลเม็ดสีชมพู)
ราคากล่องละ 350 บาท
(อ้อมซื้อช่วงโปรโมชั่น 3 แถม 1 ส่งฟรี 990 บาท คุ้มมาก)


วิธีรับประทานครั้งละ 1 แคปซูล
ก่อนอาหาร 10-15 นาที (วันละ 3 มื้อ)


มาดูรูปกันก่อนเลย


ตอนนั้นน้ำหนัก 52 เอว 30 (เคยมีคนทักว่าท้อง รู้สึกโกรธมาก)
                                
เทคนิคง่ายๆที่อ้อมทำแล้วเห็นผลชัดเจน
อ้อมจะเน้นทานก่อนอาหารเช้า 1 เม็ด (อาหารเช้าเกือบ10โมง) 
เพราะตอนเช้าท้องเราจะว่าง ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าช่วงเวลาอื่น


เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงเอว ที่ลดลงอย่างเห็นชัด 
และน้ำหนักก็ลดลงด้วยนะค่ะ ตอนนี้น้ำหนัก 48 เอว 26

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก ตราเฟี้ยว (FEAW Brand) เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 
จึงช่วยให้ร่างกายปรับตัวตามธรรมชาติ ที่สำคัญไม่มีผลข้างเคียง ทำให้ไม่โทรม ไม่กลับมาโยโย่
ผลลัพธ์ที่ดีควรทาน 3แคปซูล/วันนะค่ะ
และยังช่วยเรื่องระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น จากเมื่อก่อนถ่ายไม่เป็นเวลา 2-3 วันครั้งหนึ่ง
 ตอนนี้วันละครั้ง รู้สึกพุงยุบลงมากเลยค่ะ (ชอบตรงนี่แหละ)


อ้อมเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่กำลังไดเอท หรือกำลังหาวิธีลดอยู่ได้รู้ว่าการที่หุ่นเราดีขึ้น 
ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้นด้วยนะค่ะบางคนอาจเห็นผลช้า เร็ว อาจแตกต่างกัน
 ขึ้นอยู่กับการทานอย่างต่อเนื่อง และการทำตามคำแนะนำค่ะ

หาซื้อได้ง่ายๆที่เพจ เฟี้ยว ไทยแลนด์โอลี่

#เฟี้ยวเร็วแต่ไม่โทรม
#เฟี้ยวอาหารเสริมลดน้ำหนัก

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

หน่วยแสดงผล (Output Unit) - อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector)

    

    โปรเจคเตอร์ (Projector) เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการเรียนการสอนหรือการประชุม เนื่องจากสามารถนำเสนอข้อมูลให้แก่ผู้ชมจำนวนมากเห็นพร้อม ๆ กัน อุปกรณ์ฉายภาพในปัจจุบันจะมีอยู่หลายแบบ ทั้งที่สามารถต่อสัญญาณจากคอมพิวเตอร์โดยตรง หรือใช้อุปกรณ์พิเศษในการวางลงบนเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (OverHead Projector) ธรรมดา เหมือนกับอุปกรณ์นั้นเป็นแผ่นใส อุปกรณ์ฉายภาพจะมีข้อแตกต่างกันมากในเรื่องของกำลังแสงสว่าง เนื่องจากยิ่งมีกำลังส่องสว่างสูงภาพที่ได้ก็จะชัดเจนมากขึ้น กำลังส่องสว่างมีหน่วยวัดค่าอยู่ 3 แบบ คือ LUX, LUMEN และ ANSI LUMEN โดยการวัดแบบ LUX จะวัดค่าความสว่างที่จุดกึ่งกลางของภาพ จึงได้ค่าความสว่างสูงที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 แบบ การวัดแบบ LUMEN จะแบ่งภาพออกเป็น 3 ส่วน คือ บน กลางและล่าง และแต่ละส่วนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 จุด คือ ริมซ้าย กลาง และริมขวา รวมจุดภาพทั้งหมด 9 จุด แล้วจึงใช้ค่าเฉลี่ยของความสว่างทั้ง 9 จุด คิดออกมาเป็นค่า LUMEN ส่วนการวัดแบบ ANSI LUMEN จะมีมาตรฐานสูงสุด โดยใช้วิธีเดียวกับ LUMEN แต่จะกำหนดขนาดจอภาพไว้คงที่คือ 40 นิ้ว (หากไม่กำหนดการวัดค่าความสว่างจะสูงขึ้นเมื่อจอภาพมีขนาดเล็กลง)


เครื่องโปรเจกต์เตอร์ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ใช้ 3 ชนิด คือ
- โปรเจกต์เตอร์ชนิด CRT (CRT projecter) ใช้ หลอดลำแสงแคโธด จะมีสามหลอดสี คือ สีน้ำเงิน สีเขียว และสีแดง โดยหลอดสีทั้งสามสามารถเลื่อนเพื่อปรับองศาของภาพให้ถูกต้องได้ โปรเจกต์เตอร์ชนิดนี้เป็นชนิดที่เก่าแก่ที่สุด ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามาก แต่ดูไม่สวยงามเพราะเครื่องฉายมีขนาดใหญ่ แต่มีข้อดีคือสามารถฉายภาพให้เป็นภาพขนาดใหญ่ในราคาที่ถูกกว่า

- โปรเจกต์เตอร์ชนิดฉายแสงผ่านแผ่นแอลซีดี (LCD projector) เป็นโปรเจกต์เตอร์ที่มีระบบกลไกข้างในที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เป็นโปรเจกต์เตอร์ที่ถูกใช้อย่างกว้างขวาง เพราะราคาถูก โปรเจกต์เตอร์ชนิดนี้มีปัญหาด้านการมองเรียกว่า screen door effect หรือ pixilation effect ซึ่งเราจะมองเห็นภาพเป็น จุด เป็นเหลี่ยมขนาดเล็ก และหลอดไฟมีราคาสูง
      การฉายภาพบนโปรเจกต์เตอร์ชนิดแอลซีดี ใช้หลอดไฟชนิดเมทัลฮาไลด์ ส่งแสงไปยังปริซึมเพื่อกระจายแสงไปยังแผงซิลิคอนสามสี คือ แดง เขียว น้ำเงิน เพื่อส่งภาพเป็นสัญญาณวิดีโอ เมื่อแสงผ่านแผงซิลิคอนนี้แล้ว แต่ละพิกเซลจะเปิดออกหรือปิดลง เพื่อให้ภาพ ทั้งระดับสีและการไล่สีตามที่ต้องการ สาเหตุที่เราใช้ หลอดเมทัลฮาไลด์เพราะสามารถให้อุณหภูมิของสีและระดับสีที่ถูกต้องที่สุด ทั้งยังสามารถให้ความสว่างของแสงสูงในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ โปรเจกต์เตอร์แอลซีดีรุ่นปัจจุบัน จะมีความสว่างประมาณ 2000-4000 ลูเมน

- โปรเจกต์เตอร์ชนิด DLP (DLP projecter) ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Digital Light Processor ของ Texas Instrument มีตัวกำเนิดแสงที่เล็กมากเรียกว่า Digital Micromirror Device (DMDs) โปรเจกต์เตอร์ชนิดนี้ทำงานโดยปรกติจะใช้ DMD 2 ตัวจะใช้จานหมุนติดกระจกเพื่อสร้างสี
ปัญหาของโปรเจกต์เตอร์ชนิดนี้คือ Rainbow effect คือผู้ที่ดูภาพที่ฉายไปสีขาว เป็นสีรุ้ง แต่สามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้ระบบใหม่ซึ่งใช้ DMD 3 ตัว ความเร็วในการหมุนของจานหมุนติดกระจกที่สูงขึ้น และสามารถให้สีหลักได้อย่างถูกต้อง


วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) - คีย์บอร์ด (keyboard)

       คีย์บอร์ด Key board เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นปุ่มตัวอักษรเหมือนปุ่มเครื่องพิมพ์ดีด เป็นอุปกรณ์รับเข้าพื้นฐานที่ต้องมีในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง จะรับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยน เป็นรหัสเพื่อส่งต่อไปให้กับคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ที่ใช้ในการป้อนข้อมูลจะมีจำนวนตั้งแต่ 50 แป้นขึ้นไป แผงแป้นอักขระส่วนใหญ่มีแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก เพื่อทำให้การป้อนข้อมูลตัวเลขทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น การวางตำแหน่งแป้นอักขระ จะเป็นไปตามมาตรฐานของระบบพิมพ์สัมผัสของเครื่องพิมพ์ดีด ที่มีการใช้แป้นยกแคร่ (shift) เพื่อทำให้สามารถใช้พิมพ์ได้ทั้งตัวอักษร ตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก ซึ่งระบบรับรหัสตัวอักษรที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต กล่าวคือ เมื่อมีการกดแป้นพิมพ์ แผงแป้นอักขระจะส่งรหัสขนาด 7 หรือ 8 บิต นี้เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์

        แผงแป้นอักขระสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูลไอบีเอ็มที่ผลิตออามารุ่นแรก ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 จะเป็นแป้นรวมทั้งหมด 83 แป้น ซึ่งเรียกว่า แผงแป้นอักขระ PCXT ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 บริษัทไอบีเอ็มได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระ กำหนดสัญญาณทางไฟฟ้าของแป้นขึ้นใหม่ จัดตำแหน่งและขนาดแป้นให้เหมาะสมดียิ่งขึ้น โดยมีจำนวนแป้นรวม 84 แป้น เรียกว่า แผงแป้นอักขระพีซีเอที และในเวลาต่อมาก็ได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระขึ้นพร้อม ๆ กับการออกเครื่องรุ่น PS/2 โดยใช้สัญญาณทางไฟฟ้า เช่นเดียวกับแผงแป้นอักขระรุ่นเอทีเดิม และเพิ่มจำนวนแป้นอีก 17 แป้น รวมเป็น 101 แป้น

ประเภทของ Key board ดูได้จากจำนวนปุ่ม และรูปแบบการใช้งาน Key board ที่มีอยู่ปัจจุบันจะมีอยู่ 5 แบบ

1. Desktop Keyboard
ซึ่ง Key board มาตรฐาน จะเป็นชนิด 101 คีย์
2. Desktop Keyboard with hot keys
เป็น Key board ที่มีจำนวนคีย์มากกว่า 101 คีย์ ขึ้นไปแล้วแต่วัตถุประสงค์ใช้งาน ซึ่งจะมีปุ่มพิเศษสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่เวอร์ชัน 95 เป็นต้นไป

นอกจากนั้นยังมี Key board ซึ่งบางรุ่นจะมีการออกแบบ ตามหลักสรีระการวางข้อมือในขณะพิมพ์ เรียกว่า Ergonomic keyboard ซึ่งมองดูเหมือนเป็นรอยหักแบ่งช่องตรงกลาง Key board บางชนิดยังได้รวมอุปกรณ์ Trackball และ Finger Pad เพื่อความสะดวกในการนำมาใช้แทน Mouse เมื่อใช้งานบางโอกาส

3. Wireless Keyboard
Key boardไร้สายเป็น Key board ที่ทำงานโดยไม่ต้องต่อสายเข้ากับตัว เครื่องคอมพิวเตอร์แต่จะมีอุปกรณ์ที่รับสัญญาณจากตัว Key board อีกทีหนึ่ง การทำงานจะใช้ความถี่วิทยุในการสื่อสาร ซึ่งความถี่ที่ใช้จะอยู่ที่ 27 MHz อุปกรณ์ชนิดนี้มักจะมาคู่กับอุปกรณ์ Mouse ด้วย


4. Security Keyboard
รูปร่างและรูปแบบการทำงานจะเหมือนกับ Key board แบบ Desktop แต่จะมีช่องสำหรับเสียบ Smart Card เพื่อป้องกันการใช้งานจากผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ Key board ชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการปลอดภัยสูง หรือใช้ควบคุมเครื่อง Server ที่ยอมให้เฉพาะ Admin เท่านั้นเป็นคนเปลี่ยนแปลงข้อมูล

5. Notebook Keyboard
เป็น Key board ที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดบางเบา ขนาดความกว้าง และยาวจะขึ้นอยู่กับเครื่อง Notebook ที่ใช้ ปุ่มบนแป้นพิมพ์จะอยู่ติดกันและบางมาก คีย์พิเศษต่างจะถูกลด และเพิ่มเฉพาะปุ่มที่จำเป็นในการ Present งาน หรือ การพักเครื่องเพื่อประหยัดพลังงาน









Keyboard - อุปกรณ์ในการสั่งงานคอมพิวเตอร์



Keyboard หรือแป้นพิมพ์ในภาษาไทย เป็นอุปกรณ์มาตราฐานในการสั่งงานและป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ คล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีดทั่วไป เราสามารถแบ่งแยกปุ่มหลัก ๆ ในการทำงานได้ดังนี้ (อนึ่ง สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดได้ ก็จะสามารถเรียนรู้การใช้คีย์บอร์ดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น)

1. ปุ่ม Escape
ปุ่มสำหรับยกเลิกคำสั่งที่กำลังทำอยู่ หรือใช้สำหรับออกจากโปรแกรมนั้น ๆ

2. ปุ่ม Functions
ปุ่มที่ให้ความสะดวกในการเรียกใช้คำสั่งอื่น ๆ เช่น กดคีย์ F1 หมายถึงคำสั่ง Help เพื่ออ่านข้อมูลการใช้โปรแกรมนั้น ๆ

3.ปุ่ม Print Screen
ปุ่มสำหรับพิมพ์หน้าจอที่เรากำลังใช้งานอยู่ สำหรับในระบบ Windows การ Print Screen จะไม่พิมพ์ข้อมูลทันที แต่จะเก็บไว้ใน ClipBoard เราสามารถเรียกข้อมูลนั้นได้ด้วยคำสั่ง Paste หรือใช้คำสั่ง Ctrl+V ในโปรแกรมใด ๆ ก็ได้

4.ไฟแสดงสถานะปุ่ม
ไฟแสดงสถานะการใช้งานของปุ่ม Num Lock, Caps Lock Scroll Lock

5. ปุ่ม Caps Lock และปุ่ม Shift
ปุ่มที่เหมือนกับปุ่ม ยกแคร่ในเครื่องพิมพ์ดีดทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับควบคุมพิมพ์ตัวอักษรเล็ก-ใหญ่หรือพิมพ์ตัวอักษรที่ด้านบน (คีย์บอร์ดหนึ่งปุ่มจะมีตัวอักษรทั้งด้านบนและล่าง) ปุ่ม Caps Lock กดครั้งเดียว (สังเกตุได้จากไฟ Caps Lock ที่ด้านบนขวามือ) ถ้าต้องการยกเลิกให้กดอีกครั้ง ส่วน ปุ่ม Shift เป็นการใช้คำสั่ง Caps Lock ชั่วคราว)

6. ปุ่ม Ctrl และปุ่ม Alt
Ctrl มาจากคำว่า Control ส่วน Alt มาจากคำว่า Alternate เป็นปุ่มพิเศษที่ใช้ร่วมกับปุ่มอื่น ๆ เพื่อใช้ในการเรียกคำสังลัด เช่น Alt+F4 ใช้ในการปิดโปรแกรม

7. ปุ่ม Spacebar
ปุ่มที่ใช้สำหรับเพิ่มช่องว่างระหว่างตัวอักษร

8. ปุ่ม Backspace
ปุ่มนี้ใช้สำหรับลบตัวอักษร โดยจะลบจากขวามาด้านซ้ายมือ

9. ปุ่ม Enter
ปกติจะใช้ปุ่มนี้เพื่อยืนยันการทำงานในคำสังนั้น ๆ แต่อาจหมายถึงขึ้นบรรทัดในกรณีใช้งานในเรื่องการพิมพ์จดหมาย

10. ปุ่ม ตัวเลข
กรณีไฟที่ปุ่ม Num Lock ติด เราสามารถพิมพ์ตัวเลข จากตำแหน่งนี้ได้ แต่ถ้าดับ หมายถึง ให้ใช้ลูกศรแทน

11. ปุ่ม ลูกศร
ปุ่มใช้สำหรับเลื่อน Cursor ไปซ้าย ขวา ล่าง บน


 
Tips :: ปุ่ม Windows :: ปุ่มพิเศษใช้แทนการกดปุ่ม Start เริ่มใช้มาตั้งแต่ Windows เวอร์ชั่น 95
Tips :: ปุ่ม ลูกศร :: ปุ่มพิเศษใช้แทนการกด คลิกขวา (Right Click) บนเม้าส์
 

ที่มา : http://repaircomtips.blogspot.com/2010/08/keyboard.html
http://www.it-guides.com/index.php/training-a-tutorial/37-basic-computer-tutorial/67-how-to-use-keyboard


 
         

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

เที่ยวดอยอินทนนท์ แสนประทับใจ




         อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยุ่ในท้องที่ อำเภอสันป่าตอง อำเภอจอมทอง และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทยมีสภาพป่าเป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำปิงที่ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่าง ๆ โดนเฉพาะน้ำตกแม่ยะ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเนื้อที่ ประมาณ 482 ตารางกิโลเมตร หรือ 301,500 ไร่


ประวัติความเป็นมา
                 แต่เดิมดอยอินทนนท์มีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” คำว่าดอยหลวงหมายถึง ภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่าดอยอ่างกานั้น มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากดอยอินทนนท์ไปทางทิศตะวันตก 300 เมตร มีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือนอ่างน้ำ แต่ก่อนนี้มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา ต่อมาจึงรวมเรียกว่า “ดอยอ่างกา”                    
               

ลักษณะทั่วไป
      - ลักษณะภูมิประเทศ
                 สภาพภูมิประเทศประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ เป็นยอดเขาสูงที่สุดในประเทศไทย สูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร ยอดเขาที่มีระดับสูงรองลงมา คือ ดอยหัวหมดหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร ป่าอินทนนท์นี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่หอย แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงที่ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล

       - ลักษณะภูมิอากาศ

               เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงถึง 2,565 เมตร อากาศจึงหนาวเย็นตลอดปี ความชื้นสูงมาก โดยเฉพาะบนดอย แม้นำฟืนมาก่อไฟก็จะติดได้ยาก ในฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียสทุกปี ในฤดูร้อนแม้ว่าอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่หรืออำเภอใกล้เคียงจะร้อน แต่บนยอดดอยอินทนนท์ ยังมีอากาศหนาวเย็นอยู่จะต้องสวมเสื้อกันหนาว   ฉะนั้นผู้ที่จะไปเที่ยวดอยอินทนนท์ควรจัดเตรียมเสื้อหนาๆติดตัวไปด้วย

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
         สภาพทั่ว ๆ ไปเป็นที่โล่งสลับกับป่าไม้ เนื่องจากถูกชาวเขาเผ่าแม้วถางป่าทำไร่ จะเห็นได้จากบริเวณสองข้างทางขึ้นบนยอดดอยอินทนนท์เป็นภูเขาหัวโล้นเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากอุทยานฯอื่น ๆ
         ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีหลายชนิด คือ ป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเต็งรัง หรือป่าเบญจพรรณ มีพันธุ์ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจดังนี้คือ สัก ตะเคียน สนเขา เต็ง เหียง มะเกลือ แดง ประดู่ รกฟ้า มะค่า เก็ดแดง จำปีป่า ตะแบก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ป่าที่สวยงามหลายชนิด เช่น ฟ้ามุ่ย ช้างแดง รองเท้านารี และกุหลาบป่า สำหรับ มอส ข้าวตอกฤาษี ออสมันด้า มีอยู่ทั่วไปในระดับสูง
         สัตว์ป่าในบริเวณอุทยานแห่งชาติที่นี้มีจำนวนลดลงไปมาก เนื่องจากถูกชาวเขาเผ่าต่างๆล่าเป็นอาหาร และป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยถูกถางลงมากมาย ทำให้สัตว์ใหญ่บางชนิดหมดไปจากป่านี้ ปัจจุบันสัตว์ที่หลงเหลืออยู่บ้าง ได้แก่  เลียงผา กวาง เสือ หมูป่า หมี ชะนี กระต่ายป่า และ ไก่ป่า


สิ่งที่น่าสนใจ
          ปัจจุบันราชการได้ตัดถนนขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ ทำให้เดินทางไปโดยรถยนต์ได้สะดวก สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริงก็อาจเลือกวิธีเดินเท้า ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมก่อนที่จะมีทางรถยนต์ ทางเดินที่นิยมมักเริ่มต้นจากน้ำตกแม่กลาง คืนแรกพักที่หมู่บ้านกระเหรี่ยงแม่แอบ คืนที่สองพักที่หมู่บ้านกระเหรี่ยงผาหม่อน คืนที่สามพักที่ปางสมเด็จ แล้วขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ ในระหว่างทางจะได้รับความเพลิดเพลินกับบรรยากาศป่าเขา และได้ศึกษาความเป็นอยู่ของชาวกระเหรี่ยงไปด้วย
          จุดเด่นของอุทยานแห่งชาตินี้ คือ ยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศ ซึ่งคนไทยส่วนมากต้องการไปสัมผัสเพื่อประวัติของชีวิตอากาศบนยอดดอยหนาวเย็นประดุจดังอยู่ในเมืองหนาว ยามฤดูหนาวจัด มีเมฆหมอกครึ้ม บรรยากาศดังกล่าวหาได้ในประเทศไทย ต้นไม้ในบริเวณยอดดอยแปลกไปกว่าที่อื่น เพราะมีสภาพประดุจดังป่าโลกล้านปี ตามต้นไม้มีตะไคร่และมอสจับเขียวครึ้ม
          พันธุ์ไม้ดอก เช่น กุหลาบป่า คล้ายกับที่ภูกระดึง แต่สูงใหญ่กว่ามากจนเรียกกันว่า “กุหลาบพันปี” นอกจากนี้ยังมีลานข้าวตอกฤาษีซึ่งเป็นมอสชนิดหนึ่งขึ้นอยู่หนาแน่น มีสีเขียวสลับส้มกับสีน้ำตาลอ่อนๆ มอสชนิดนี้จะขึ้นได้เฉพาะที่สูง ความชื้นมาก และอากาศหนาวเย็นเท่านั้น


          บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 ณ ดอยขุนกลาง ภูมิประเทศโดยรอบจะเป็นทุ่งหญ้าคาเนื่องจากป่าถูกถางลงเมื่อ 50 ปีที่แล้วมา เป็นดอยที่ลดหลั่น ประดุจดังคลื่น โดยเฉพาะในฤดูฝนจะเขียวขจีเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา

จุดเด่นที่น่าสนใจ
                 น้ำตกแม่กลาง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของอุทยานแห่งชาติ จากถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ ประมาณหลักกิโลเมตรที่  8 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ1กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกแม่กลาง
                 น้ำตกแม่ยะ อยู่ทางทิศใต้ของเขตอุทยานฯ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากลำห้วยแม่ยะ มีความสูงถึง 260เมตร จนกล่าวกันว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศ เหมือนเอาบรรดาน้ำตกต่างๆ มารวมกันไว้ที่นี่ ทางเข้าน้ำตกนี้แยกจากถนนสายจอมทอง-ฮอดไปทางขวามือ ซึ่งมีป้ายบอกไว้ที่ข้างทาง
                  น้ำตกสิริภูมิ เดิมชื่อ น้ำตกเลาลี ตามชื่อของชาวแม้ว ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้น้ำตกนี้ ต่อมา ม.ร.ว.จักรทอง ทองใหญ่ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขนานนามว่า “สิริภูมิ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ น้ำตกนี้อยู่ใกล้หลักกิโลเมตรที่ 31 ถนนสายจอมทอง-ดอยอินทนนท์
                   น้ำตกวชิรธาร หรือน้ำตกเมืองโยง เกิดจากลำห้วยแม่กลาง อยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 22ถนนสายจอมทอง-ดอยอินทนนท์ มีน้ำไหลจากหน้าผาสูงถึง 70 เมตร ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีถ้ำอยู่หลายแห่ง แต่ถ้ำที่สวยที่สุด คือ ถ้ำบริจินดา    เป็นถ้ำขนาดใหญ่   มีหินงอกหินย้อย   อยู่บนภูเขาทิศตะวันออกของอุทยานแห่งชาติ

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ นางสาว บุหลั่น ยะทิมา
ชื่อเล่น อ้อม
ฉายา อ้อมดอย
วันเกิด 29 พฤษภาคม 2535
อายุ 19 ปี
น้ำหนัก 41 ก.ก  ส่วนสูง 159 ซ.ม
ศาสนา พุทธ
สัญชาติ ไทย  เชื้อชาติ ไทย
สถานภาพ โสด
ที่อยู่ 51 ม.5 ต.บ้านแป้น อ.เมือง จ.ลำพูน 51000

   
ประวัติการศึกษา
ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านแป้น(สามัคคีประชานุกูล)
ปีที่จบ 2549
มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม
ปีที่จบ 2551
มัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทย์-คณิต
โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม ปีที่จบ 2553
ปัจจุบันเรียน คณะวิทยาการจัดการ วิชาเอก การจัดการ
                     มหาวิยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
บิดาชื่อ นายสนั่น ยะทิมา   ประอบอาชีพ รับจ้าง
มารดาชื่อ นางคำ ซอนจันทร์  ประกอบอาชีพ รับจ้าง
ความสามารถพิเศษ  อ่าน-เขียน ภาษาล้านนา
งานอดิเรก ฟังเพลง  ปลูกต้นไม้
อนาคต เจ้าของธุรกิจ พันล้าน
อาหารที่ชอบ ส้มตำ  ไก่ย่าง ผัดผักบุ้ง  ข้าวต้ม คั่วหน่อ 


สถานที่ที่ชอบ  แอ่วดอย

ดอกไม้ที่ชอบ  ดอกบัว
ตันไม้ที่ชอบ  ต้นกระบองเพชร
สีที่ชอบ  สีแดง  สีดำและสีชมพู
สีที่ไม่ชอบ สีเขียวแก่

สัตว์ที่ชอบ สุนัข
สัตว์ที่เกลียด ตุ๊กแก

เพลงที่ชอบ แอบชอบ-  ละอองฟอง


 
คติประจำใจ ความเกลียดคร้านทำลายอนาคต